ทดลองกาพย์พระไชยสุริยาฉบับส่งครู

0

Presentation Transcript

  • 1.กาพย์พระไชยสุริยา ด.ญ. นิชาภา โพธิวงศ์ ม. ๑.๖ เลขที่ ๒o
  • 2.ความเป็นมา กาพย์พระไชยสุริยา เป็นแบบเรียนที่สุนทรภู่แต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ประมาณปี พ.ศ. ๒๓๘๓ –๒๓๘๕ ขณะที่บวชเป็นพระอยู่ที่ วัดเทพธิดาราม เป็นกาพย์ซึ่งแทรกความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย ในเรื่องมาตราตัวสะกด และยังได้สอนศีลธรรมในด้านความผิดชอบชั่วดีและแสดงผลการกระทำไว้อย่างชัดเจน กาพย์พระไชยสุริยา มีเนื้อหาเป็นนิทานขนาดสั้นมีความยาวเพียง๑เล่มสมุดไทยแต่งขึ้นเพื่อเป็นแบบสอนอ่านและเขียนสะกดคำในมาตราตัวสะกดต่างๆโดยผูกให้เป็นเรื่องราวเพื่อให้เด็กมีความสนุกสนานกับการอ่านการเรียน
  • 3.ความเป็นมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕) พระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยางกูร) ครั้งเป็นหลวงสารประเสริฐ เมื่อแต่งหนังสือมูลบทบรรพกิจสำหรับใช้เป็นแบบเรียนหนังสือไทยในโรงเรียนหลวงคงเห็นว่ากาพย์เรื่องพระไชยสุริยาเป็นบทกวีที่ไพเราะทั้งอ่านเข้าใจง่าย จึงได้มารวมไว้ในหนังสือมูลบทบรรพกิจแบบเรียนภาษาไทยขึ้นชุดหนึ่งมี ๖ เล่มคือ ๑. มูลบทบรรพกิจ ๒.วาหนิติ์นิกร ๓. อักษรประโยค ๔.สังโยคพิธาน ๕. ไวพจน์พิจารณ์ .พิศาลการันต์
  • 4.ประวัติผู้แต่ง สุนทรภู่ เกิดเมื่อวันที่ ๒๖มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ ยุคต้นแผ่นดินรัชกาลที่๑ เมื่อเติบโตขึ้นเข้ารับราชการในวังหลวง เป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตประจำราชสำนักรัชกาลที่ ๒ ต่อมาได้ ออกบวชในรัชกาลที่ ๓ อยู่วัดเทพธิดาราม นานถึง ๑๘ ปี (พ.ศ.๒๓๖๗-๒๓๘๕ อายุ ๓๘-๕๖ ปี) แล้วลาสึกมารับราชการในวังหน้ากับ สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯจนถึงแก่กรรมในรัชกาลที่ ๔ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ อายุ ๖๙ ปี
  • 5.ประวัติผู้แต่ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๔) สุนทรภู่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระสุนทรโวหาร”ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายของราชการก่อนถึงแก่กรรมในพ.ศ. ๒๓๙๘ สุนทรภู่ได้รับยกย่องว่าเป็นกวีที่มีความสามารถด้านการแต่งกลอน พ.ศ. ๒๕๒๙ ในโอกาสครบรอบ ๒oo ปี ชาตกาล(ครบรอบวันเกิด) สุนทรภู่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก( (UNESCO)ให้ เป็นบุคคลดีเด่นของโลกด้านวรรณกรรม
  • 6.ผลงานของสุนทรภู่ประเภทนิทาน นิทาน มี ๕ เรื่อง ได้แก่ ๑. โคบุตร (๘ เล่มสมุดไทย) ๒. ลักษณวงศ์ (๙ เล่มสมุดไทย มีแต่งต่ออีก ๑o เล่มด้วยสำนวนผู้อื่น) ๓. พระอภัยมณี (๙๔ เล่มสมุดไทย) ๔. สิงหไกรภพ (๑๕ เล่มสมุดไทย) ๕. พระไชยสุริยา (แต่งเป็นกาพย์ ๑เล่มสมุดไทย)
  • 7.ผลงานของสุนทรภู่ ประเภทนิราศ ๑. นิราศเมืองแกลง แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๕๐ ตอนต้นปี ๒. นิราศพระบาท แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๕๐ ตอนปลายปี ๓. นิราศภูเขาทอง แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๗๑ ๔. นิราศเมืองสุพรรณ (โคลง) แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๘๔ ๕. นิราศวัดเจ้าฟ้า ฯ แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๗๕ ๖. นิราศอิเหนา ๗. รำพันพิลาป ๘. นิราศพระประธม ๙. นิราศเมืองเพชร แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๘๘-๒๓๙๒ ประเภทบทเห่กล่อม ๑.เห่เรื่องจับระบำ ๒. เห่เรื่องกากี ๓. เห่เรื่องพระอภัยมณี ๔. เห่เรื่องโคบุตร รวมวรรณกรรมของสุนทรภู่ ทั้งหมด ๒๔ เรื่อง
  • 8.ผลงานของสุนทรภู่ ประเภทสุภาษิต มี ๒ เรื่องได้แก่ ๑. สวัสดิรักษา ๒. เพลงยาวถวายโอวาท ประเภทบทละคร อภัยณุราช ประเภทบทเสภา ขุนช้างขุนแผนกำเนิดพลายงาม พระราชพงศาวดาร
  • 9.จุดประสงค์ในการแต่ง สุนทรภู่แต่งกาพย์พระไชยสุริยาขึ้นเพื่อใช้เป็นแบบสอนอ่านและเขียนสะกดคำในมาตราต่างๆโดยผูกให้เป็นเรื่องราวเพื่อให้เด็กมีความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการอ่านและการเล่าเรียนศึกษาเป็นหนังสือสำหรับเด็กหัดอ่านดังปรากฎในตอนท้ายเรื่องว่า ภุมราการุณสุนทร ไว้หวังสั่งสอน เด็กอ่อนวัยเยาว์เล่าเรียน ก ข ก กา ว่ายเวียน หนูน้อยค่อยเพียร อ่านเขียนผสมกมเกย
  • 10.จุดประสงค์ในการแต่ง เป็นหนังสือนิทานสอนคติธรรม สุนทรภู่ตั้งใจแต่งกาพย์เรื่องพระไชยสุริยาไว้เป็นหนังสือเรียนภาษาไทยให้เด็กๆเพื่อมิให้เด็กรู้สึกเบื่อหน่ายการเรียนจึงแต่งเป็นนิทานโดยแทรกคำสอนคติธรรมไว้หลายตอน สอนให้รู้จักกาลกิณี ๔ ประการ ซึ่งทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนและผลบาปจากการเบียดเบียนและหลอกลวงผู้อื่น จะทำให้ต้องทนทุกข์ทรมาน ส่วนผลบุญจากการมีเมตตากรุณาจะทำให้มี ความสุขตลอดไป
  • 11.ลักษณะคำประพันธ์ กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทกาพย์ได้แก่ กาพย์ยานี ๑๑
  • 12.ลักษณะคำประพันธ์ กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทกาพย์ได้แก่ กาพย์ฉบัง ๑๖
  • 13.ลักษณะคำประพันธ์ กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทกาพย์ได้แก่ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
  • 14.เรื่องย่อ พระไชยสุริยาเป็นกษัตริย์ครองเมืองสาวัตถี มีมเหสีชื่อสุมาลี บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์และเป็นสุขมาช้านาน จนกระทั่งเมื่อข้าราชบริพารและผู้มีอำนาจพากันลุ่มหลงในอบายมุขและเที่ยวข่มเหงราษฎรจนเดือดร้อนไปทั่วในที่สุดน้ำ ป่าก็ไหลบ่าท่วมเมืองจนผู้คนล้ม ตายผู้ที่มีชีวิตรอดก็หนีออกจากเมืองไป ทิ้งสาวัตถีกลายเป็นเมืองร้าง
  • 15.เรื่องย่อ พระไชยสุริยาพามเหสีและข้าราชบริพารหนีลงเรือสำเภาออกจากเมืองแต่ถูกพายุใหญ่พัดเรือแตกพระไชยสุริยากับนางสุมาลีว่ายน้ำ ไปขึ้นฝั่งแล้วรอนแรมไปในป่า พระดาบสรูปหนึ่งเข้าฌานเห็นพระไชยสุริยากับนางสุมาลีต้องทนทุกข์ทรมานก็เวทนา เพราะเห็นว่าพระไชยสุริยาทรงเป็นกษัตริย์ที่ดี แต่ประสบเคราะห์กรรมเพราะหลงเชื่อเสนาอำมาตย์จึงเทศนาโปรดจนทั้งสองศรัทธาและบำเพ็ญธรรม จนได้ไปเกิดบนสวรรค์
  • 16.เรื่องย่อโดยสรุปประเด็น กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแต่งเป็นกาพย์ ๓ ชนิดสลับกันเป็นกาพย์ยานี กาพย์ฉบัง กาพย์สุรางคนางค์ เริ่มต้นด้วยกาพย์ยานี ๑๑ โดยบทแรกเป็นบทไหว้ตรู ต่อด้วยการเล่าเรื่องโดยใช้คำในแม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม และ แม่เกย ตามลำดับ ยกเว้นแม่เกอว กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา สะท้อนสภาพสังคมก่อนเสียกรุงโดยสร้างตัวละครในเรื่องว่าข้าราชบริพาร เสนาบดีไม่ใส่ใจบ้านเมือง ฉ้อราษฎร์บังหลวง คดโกง ไม่ยุติธรรม หมกหมุ่นกับความสนุกสนาน มัวเมาในกาม เหมือนสภาพคนไทยก่อนเสียกรุง กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแสดงให้เห็นความเชื่อของผู้คนว่านับถือไสยศาสตร์มากกว่าหลักธรรมจนประพฤติผิด
  • 17.เรื่องย่อโดยสรุปประเด็น กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแสดงค่านิยมของครอบครัว คู่สามีภรรยาไม่ทอดทิ้งกันยามตกทุกข์ได้ยาก ภรรยาเคารพและปรนนิบัติสามีทั้งยามทุกข์และยามสุข กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแสดงความเคารพใน พระรัตนตรัย พ่อแม่ ครูบาอาจารย์และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • 18.เหตุการณ์ที่ประทับใจ ประทับใจคำสอนที่สอดแทรกไว้หลายตอน โดยเฉพาะ สอนให้รู้จักกาลกิณี ๔ ประการซึ่งทำให้บ้านเมืองและผู้คนไม่สงบสุข กาลกิณีคือ การเห็นผิดเป็นชอบ การไม่รู้คุณ การเบียดเบียนทำร้ายกันและความโลภ และ บางตอนสอนว่าผลบาปจากการเบียดเบียนและหลอกลวงผู้อื่นจะทำให้ต้องทนทุกข์ ผลบุญของการมีเมตตาจะทำให้มีความสุขตลอดไป กาลกิณี ๔ ประการมีดังนี้ ๑. ประกอบชอบเป็นผิด กลับจริตผิดโบราณ สามัญอันธพาล ผลาญคนซื่อถือสัตย์ธรรม์ ๒. ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่รู้คุณพ่อมัน ๓. ส่อเสียดเบียดเบียนกัน ลอบฆ่าฟันคือตัณหา ๔. โลภลาภบาปบคิด โจทย์จับผิดริษยา อุระพสุธา ป่วนเป็นบ้าฟ้าบดบัง
  • 19.ข้อคิดที่ได้รับ บ้านเมืองจะมีความสุข มีการพัฒนา ทุกคนต้องมีความสามัคคี ร่วมมือกัน การประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมย่อมทำให้ตนเองและสังคมเจริญด้วย คนเราเมื่อประพฤติดีย่อมได้ดีและมีความสุข ข้าราชการหรือผู้ปกครองบ้านเมืองต้องมีคุณธรรม ไม่คดโกง นิทานเป็นแนวทางหนึ่งที่นำมาใช้ในการปลูกฝังด้านคุณธรรม การอ่านเป็นทักษะสำคัญที่ทำให้ทักษะอื่นๆสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • 20.คุณค่าทางวรรณศิลป์ อุปมา หรือ การใช้ความเปรียบว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับสิ่งหนึ่งคือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่งให้เข้าใจชัดเจน ดังคำประพันธ์ต่อไปนี้ “กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง ซอเจ้งจำาเรียงเวียงวัง ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง แตรสังกังสดาลขานเสียง”
  • 21.คุณค่าทางวรรณศิลป์ สัทพจน์หรือการเลียนเสียงธรรมชาติ คือ กลวิธีการแต่งคำประพันธ์อย่างหนึ่งที่กวี นิยมใช้ เพื่อช่วยเสริมความเป็นจริง โดยกวีมักจะแต่งเลียนเสียงสิ่งต่างๆ ทางธรรมชาติที่ตนได้ยิน ดังตัวอย่าง “ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง แตรสังข์กังสดาลขานเสียง กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง พญาลอคลอเคียง แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง อีเก้งเริงร้องลองเชิง”
  • 22.คุณค่าทางวรรณศิลป์ ๓. การเล่นเสียง คือการเล่นเสียงสัมผัส ซึ่งมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษรตัวอย่างเช่น “ขึ้นกงจงจำสำคัญ ทั้งกนปนกัน รำพันมิ่งไม้ ในดง ไกรกร่างยางยูงสูงระหง ตะลิงปลิงปริงประยงค์ คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง มะม่วงพลวงพลองช้องนาง หล่นเกลื่อนเถื่อนทาง กินพลางเดินพลางหว่างเนิน” สัมผัสสระ ได้แก่คำว่า กง-จง, จำ-สำ, กน-ปน, ไม้-ใน, กร่าง-ยาง, ยูง-สูง,ลิง-ปริง, ยงค์-ทรง-ส่ง, ม่วง-พลวง, พลอง-ช้อง, เกลื่อน-เถื่อน, และพลาง-หว่าง สัมผัสอักษร ได้แก่คำว่า จง-จำ, มิ่ง-ไม้, ไกร-กร่าง, ยาง-ยูง, ปริง-ประยงค์,
  • 23.คุณค่าทางวรรณศิลป์ ๔. การใช้คำง่ายๆ บรรยายให้เห็นภาพชัดเจน เช่น ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มีกิริยาอัชฌาศัย พ่อค้ามาแต่ไกล ได้อาศัยในพารา ๕. ใช้ถ้อยคำให้เกิดจินตภาพ การพรรณนาบรรยากาศและธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เช่น วันนั้นจันทร มีดารากร เป็นบริวาร เห็นสิ้นดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคลี่บาน ใบก้านอรชร
  • 24.จบเรื่องกาพย์พระไชยสุริยาขอบคุณค่ะ