ขุนช้างขุนแผนตอนกำเนิดพลายงาม

0

Presentation Transcript

  • 1.ขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม
  • 2.ที่มาของเรื่อง -วรรณคดีเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา กล่าวกันว่าเรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งมีผู้สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ต่อมามีคนนำเรื่องนี้มาแต่งให้เป็นลายลักษณ์อักษร โดยมีการแต่งเพิ่มอีกหลายตอนและมีหลายสำนวน -เสภาเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” มีหลายตอน เนื้อหาทั้งหมดกล่าวถึงเรื่องราวความรัก และการแย่งชิงนางผู้เป็นที่รัก ระหว่าขุนแผน ขุนช้าง และนางวันทอง ซึ่งบทสรุปจบลงด้วยความตายของฝ่ายหญิงคือนางวันทอง
  • 3.ผู้แต่ง พระสุนทรโวหาร (ภู่) ขุนช้างขุนแผนตอนกำเนิดพลายงาม
  • 4.ลักษณะคำประพันธ์ - วรรณคดีเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” แต่งด้วยกลอนเสภา (กลอนเสภาเป็นกลอนชนิดหนึ่ง แต่งขึ้นเพื่อใช้ในการขับเสภา ) ลักษณะของกลอนเสภาจะเหมือนกันกับกลอนสุภาพ แต่ไม่บังคับหรือห้ามในการใช้เสียงสูง - ต่ำ
  • 5.ตัวละคร ตอน กำเนิดพลายงาม ขุนแผน ขุนช้าง นางวันทอง
  • 6.ตัวละคร ตอน กำเนิดพลายงาม พลายงาม นางทองประศรี
  • 7. เนื้อเรื่องย่อ
  • 8. นางวันทองมอยู่กับขุนช้าง ส่วนขุนแผนถูกจำคุกอยู่ที่เมืองหลวง ขณะนั้นนางวันทองกำลังตั้งครรภ์ เมื่อครบสิบเดือนจึงได้ให้กำเนิดบุตรชาย นางให้ชื่อลูกว่า “พลายงาม” ยิ่งโตพลายงามก็ยิ่งมีรูปงามหน้าตาละม้ายคล้ายกับขุนแผนผู้เป็นพ่อ
  • 9. เมื่อพลายงามอายุได้เก้าขวบ ขุนช้างรู้ว่าไม่ใช่ลูกของตนจึงลวงไปทำร้าย และท่อนไม้ทับจะให้ตาย ขุนช้างทิ้งพลายงามไว้ในป่า แต่พรายของขุนช้างช่วยไว้ได้ พรายของขุนแผนจึงไปบอกนางวันทองให้ทราบเรื่องที่ขุนช้างจะฆ่าพลายงาม นางจึงรีบออกไปตามหาลูก
  • 10. พลายงามร้องไห้ เล่าเรื่องที่ตนถูกขุนช้างทำร้ายให้แม่ฟัง นางจึงบอกความจริงแก่ลูกว่าขุนช้างไม่ใช่พ่อ แต่พ่อจริง ๆ คือขุนแผน ซึ่งถูกจำคุกอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา และมีย่าชื่อว่านางทองประศรี อยู่ที่เมืองกาญจนบุรี
  • 11. เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางวันทองจึงตัดสินใจนำพลายงามไปฝากไว้ที่วัดก่อน นางวันทองได้ฝากพลายงามไว้กับขรัวนาค คืนนั้นเป็นคืนแรกที่พลายงามอยู่ห่างบ้าน อีกทั้งพลายงามยังหวั่นใจกับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น จึงทำให้พลายงามนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
  • 12. วันรุ่งขึ้น นางวันทองจัดของไปรับลูกที่วัด แล้วพาไปส่งที่ท่าเกวียน ให้พลายงามเดินทางไปหาย่าทองประศรีที่เมืองกาญจนบุรี เพราะหลังนางวันทองคงไม่สามารถคุ้มครองลูกจากขุนช้างได้แล้ว สองแม่ลูกลากันอย่างเศร้าสร้อย พลายงามเดินทางตามลำพังจนมาถึงเมืองกาญจนบุรี ได้ขึ้นไปปีนต้นมะยมอยู่ที่บ้านของย่าทองประศรี
  • 13. บทประพันธ์ ครานั้นวันทองผ่องโสภา อยู่เคหากับขุนช้างให้หมางหมอง ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตานอง ด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าว ตึงหัวเหน่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา แสงหิ่งห้อยพรอยพรายพร่างสายตา จะเรียกหาเจ้าขุนช้างให้หมางใจ แต่นวดนวดปวดมวนให้ป่วนปั่น สุดจะกลั้นกลอกหน้าน้ำตาไหล พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไท จะขาดใจแล้วช่วยด้วยแม่คุณ ขุนช้างตื่นฟื้นตัวหัวผงก เห็นเมียตกใจผวาออกว้าวุ่น ประคองนางพลางบนเอาต้นทุน อย่าท้อแท้แม่คุณจงแข็งใจ พลางดูท้องร้องว่าเออออกแล้วซิ ตั้งสติอารมณ์จะข่มให้ นางวันทองร้องเสือกกลิ้งเกลือกไป ขุนช้างได้หมอนรองประคองคอ บ้าน
  • 14. ถอดความ ตลอดเวลาที่วันทองอยู่กับขุนช้างนางไม่มีความสุขเลย นางวันทองตั้งท้องมาเป็นระยะเวลาสิบเดือนแล้วในวันนี้ถึงเวลาที่นางจะคลอดลูก นางปวดท้องเจ็บหัวหน่าวปวดแขนปวดขาเป็นอย่างมาก นางเจ็บจนสายตาเริ่มพล่ามัว จะร้องเรียกขุนช้างให้มาช่วยก็รู้สึก ขัดเคลืองใจอยู่ นางจึงอุ้มท้องออกมาเรียกข้าทาสคนรับใช้ ขุนช้างได้ยินเข้าก็สะดุ้งตื่น เมื่อเห็นนางวันท้องเจ็บท้องจะคลอดลูกก็ตกใจรีบเข้าไปประคอง ส่วนนางวันทองเจ็บจนลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นขุนช้างต้องหาหมอนมาประคองคอไว้ให้
  • 15. บทประพันธ์ เรียกหาข้าคนอลหม่าน บนนอกชานพวกผู้หญิงออกวิ่งสอ ให้ไปรับยายสายกับยายยอ แต่ล้วนหมอตำแยเซ็งแซ่มา เข้าถือท้องต้องถูกว่าลูกต่ำ เอาหน้าคว่ำไขว่ขวางไปข้างขวา ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลา บ้างตำยาขยำส้มต้มน้ำร้อน นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด พอกรรมชวาตวาตะประทะถอน อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกร อุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย พอพ้นท้องร้องแว้นางแม่หวีด หน้าซีดอกสั่นมิ่งขวัญหาย ขุนช้างมองร้องอ้ายหนูเป็นผู้ชาย ทั้งย่ายายเยี่ยมลูกให้หยูกยา พระอินทร์ พระอาทิตย์ ท้อง
  • 16. ถอดความ ขุนช้างเรียกให้ข้าทาสคนรับใช้ไปเรียกยายสายกับยายยอ ที่เป็นหมอตำแยมาทำคลอดให้นางวันทอง เมื่อมาถึงบ้านขุนช้างก็รีบเข้าไปจับท้องของนางวันทองดูก็เห็นว่าใกล้คลอดแล้วก็จัดท่าให้นางวันทองนอนเพื่อเตรียมคลอด บางคนช่วยตำยา บางคนช่วยต้มน้ำไว้รอ เวลาผ่านไปจนเช้าก็มีเสียงร้องอุ๊แว้ ๆ ออกมา ขุนช้างเข้าไปดูก็พบว่าเป็นลูกชาย ย่ายายทั้งหลายก็รีบมารับขวัญ จากนั้นก็ได้พานางวันทองไปอยู่ไฟ และทุกคนช่วยกันเลี้ยงพลายงามมาจนพลายงามอายุได้เก้าปี
  • 17. บทประพันธ์ แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ไข้เจ็บ ครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มา กระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อ เหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี ทั้งจุกผมกลมกล่อมละม่อมดี ช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผน ด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชาย ชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ
  • 18. ถอดความ ทุกคนได้ช่วยกันเลี้ยงพลายงามลูกของนางวันทองมาจนอายุได้เก้าปี พลายงามมีหน้าตาเหมือนขุนแผนผู้เป็นพ่อมาก อีกทั้งเป็นเด็กที่ช่างพูดจา เมื่อเห็นหน้าลูกจึงทำให้นางวันทองหวนคิดถึงขุนแผนผู้เป็นสามี
  • 19. บทประพันธ์ ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้น ลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไป กลับไพล่เหมือนพ่ออ้ายทรพี อีแม่มันวันทองก็สองจิตร ช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่ เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดี ทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน พอวันทองน้องป่วยลงด้วยเคราะห์ มาจำเพาะจะวิโยคให้โศกศัลย์ ฟังเสียงเงียบระงับหลับกลางวัน พลายงามนั้นนั่งกับพ่อที่หอกลาง ถอดความ ขุนช้างขัดเคลืองใจมากเพราะมั่นใจว่าพลายงามคือลูกของขุนแผน อีกทั้งยังมาตั้งชื่อให้เหมือนกับขุนแผนอีก ก็ยิ่งทำให้ขุนช้างคับแค้นใจจึงคิดหาวิธีกำจัดพลายงามให้พ้นไป วันหนึ่งนางวันทองไม่สบายนอนพักผ่อนอยู่ในห้อง พลายงามจึงได้มาเล่นอยู่กับขุนช้าง พลัดพราก ทุกข์
  • 20. บทประพันธ์ ขุนช้างเห็นเป็นทีไม่มีเพื่อน แกล้งชี้เชือนชักพาลงมาล่าง ให้ขี่หลังนั่งบ่าแล้วว่าพลาง ไปชมช้างกวางทรายมีหลายพรรค์ ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อน จับไก่เถื่อนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญ แกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา โพระดกนกงั่วกระตั้วเต้น กระแตเล่นไม้โจนโผนผวา เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมา ขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง ถอดความ ขุนช้างได้โอกาสเห็นว่าพลายงามไม่มีเพื่อน จึงพาพลายงามลงมาด้านล่างให้ขี่หลังแล้วหลอกว่าจะพาไปดูสัตว์ในป่า ขณะที่เดินไปก็บอกให้พลายงามดูสัตว์ต่าง ๆ ไปตลอดทาง พาเดินเลี้ยวไปจนพบไม้ซุง ป่า นกโพระดก นกกระตั้ว เนื้อทราย
  • 21. บทประพันธ์ เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเขมร สะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพุง ถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย พลายงามร้องสองมือมันอุดปาก ดิ้นกระดากถลากไถลร้องไห้โหย พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวย หม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย ไม่เห็นแม่แลหาน้ำตาตก ขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย จนเหงื่อตกกระปรกกระปรอมขึ้นคร่อมไว้ หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ ถอดความ เมื่อเดินมาถึงที่เงียบไม่มีผู้คนขุนช้างก็ได้เหวี่ยงพลายงามลงพื้นและเตะเข้าที่ท้อง ทั้งถีบทั้งทุบจนพลายงามร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อพลายงามร้องขุนขุนช้างก็ใช้มืออุดปากพลายงามไว้ พลายงามทั้งดิ้นทั้งร้องไห้ เมื่อหลุดจากมือขุนช้างพลายงามก็ร้องตะโกนหาแม่ว่าขุนช้างตีจนเกือบตาย ขุนช้างรีบเข้าไปฉุดเอาพลายงามมาแล้วนั่งคร่อมไว้หอบหายใจแล้วหักคอพลายงาม ตี ตาย พูดด้วยไมตรีจิต
  • 22. บทประพันธ์ พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำเนียงร้อง ยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อ มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอ เรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้าง พ่อขุนช้างใจบุญเจ้าคุณเอ๋ย ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคย ผงกเงยมันก็ทุบหงุบลงไป บีบจมูกจุกปากลากกระแทก เสียงแอ๊กแอ๊กอ่อนซบสลบไสล พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไว เข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย ขุนช้างเห็นว่าทับจนตับแตก เอาคาแฝกฝุ่นกลบให้ศพหาย แล้วกลิ้งขอนซ้อนทับให้ลับกาย ทำลอยชายชมป่ากลับมาเรือน ถอดความ พลายงามดิ้นยกมือไหว้ขอชีวิต ขุนช้างห้ามไม่ให้ร้อง พลายงามจึงขอร้องขุนช้างว่า “พ่อจ๋าอย่าฆ่าหนูเลย อย่างน้อยก็เห็นแก่แม่วันทองของลูก พ่อขุนช้างเป็นคนใจบุญเลี้ยงดูลูกไว้ใช้งานเช่นเคยก็ได้” จากนั้นพลายงามก็ผงกหัวขึ้นมา ขุนช้างจึงทุบพลายงามปิดปากปิดจมูกจนพลายงามสลบไป ผีพรายของขุนแผนเห็นเหตุการณ์ จึงกอดตัวพลายงามไว้ ส่วนขุนช้างคิดว่าพลายงามตายแล้ว จึงนำหญ้าและดินมากลบร่างพลายงามไว้และเอาขอนไม้ใหญ่ทับอีกชั้น จากนั้นก็เดินกลับบ้าน
  • 23. บทประพันธ์ ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้าง อุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน แล้วเป่าแก้แผลหายละลายเลือน เจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน นางพรายบอกว่าเราบ่าวขุนแผน มาทำแทนเมื่อมันทับช่วยรับขอน ไม่ม้วยแล้วแก้วตาอย่าอาวรณ์ อยู่นี่ก่อนเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าใจ แม่ของเจ้าเราจะบอกออกมารับ แล้วหายวับวู่วามตามวิสัย เจ้าพลายงามยามเย็นไม่เห็นใคร เที่ยวร้องไห้หาแม่ชะแง้คอย ถอดความ ผีพรายของขุนแผนแค้นใจขุนช้างเป็นอย่างมาก จากนั้นได้ยกขอนไม้ที่ทับพลายงามออกแล้วเป่าแผลให้พลายงามจนแผลหาย จากนั้นพลายงามก็ฟื้นขึ้นมา ผีพรายบอกพลายงามว่า “ตนเป็นผู้รับใช้ของขุนแผนมาช่วยรับขอนไม้ไว้ไม่ให้ทับตัวพลายงาม แล้วบอกพลายงามว่าให้รออยู่ตรงนี้จะไปบอกแม่ให้มารับ” พูดแล้วผีพรายก็หายตัวไป ส่วนพลายงามก็นั่งร้องไห้ชะเง้อหาแม่ ตาย ห่วงใย
  • 24. บทประพันธ์ จะไปเรือนเฟือนทางที่กลางป่า นึกน้ำตาหยดเหยาะลงเผาะผ็อย เจ้าแหงนดูสุริย์ฉายก็บ่ายคล้อย ให้นึกน้อยใจพ่อพูดล่อลวง เสียแรงลูกผูกใจจะได้พึ่ง พ่อโกรธขึ้งสิ่งไรเป็นใหญ่หลวง โอ้มีพ่อก็ไม่เหมือนเพื่อนทั้งปวง มีแต่ลวงลูกรักไปหักคอ รู้กระนี้มิอยากเรียกพ่อดอก จะไปบอกแม่วันทองให้ฟ้องพ่อ เที่ยวผันแปรแลหาน้ำตาคลอ นึกระย่อเยือกเย็นไม่เห็นใคร ถอดความ พลายงามอยากจะกลับบ้านแต่ก็ไม่รู้จะไปทางไหน พลายงามนึกน้อยใจพ่อที่หลอกลวงตนมาฆ่าเช่นนี้ เสียแรงที่รักและหวังจะได้พึ่งพา ทำไมมีพ่อก็ไม่เหมือนคนอื่น ทำไมพ่อถึงลวงมาฆ่า ถ้าเป็นแบบนี้ไม่อยากเรียกว่าพ่อหรอก เรื่องทั้งหมดจะต้องนำไปบอกแม่ แต่ตอนนี้มองไปแล้วไม่เห็นใครเลย พระอาทิตย์
  • 25. บทประพันธ์ ดูครึ้มครึกพฤกษาป่าสงัด ไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไร ทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ ดุเหว่าร้องมองเมียงว่าเสียงแม่ ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับ วิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป ถอดความ มองดูป่าดูต้นไม้ใบไม้ก็นิ่งไม่ไหวติง มีแต่เสียงจิ้งหรีดเรไรที่ส่งเสียงร้องประสานเสียงกัน เสียงนกดุเหว่าร้องขึ้นพลายงามก็คิดว่าเป็นเสียงแม่ที่มาตามหา ยืนชะแง้ฟังแล้วบอกว่า “หนูอยู่ตรงนี้จ้าแม่จ๋ามารับหนูหน่อย” จากนั้นก็วิ่งวนเพื่อหาทางออกจากป่า ต้นไม้ เรไร ลองไน
  • 26. บทประพันธ์ ฝ่ายพวกพรายกายสิทธิ์ฤทธิรุทธ เหมือนลมวุดวู่หนึ่งถึงไหนไหน ไปเข้าฝันวันทองถึงห้องใน เหมือนจะให้เห็นลูกคิดผูกพัน ถอดความ ผีพรายได้หายตัวไปเข้าฝันนางวันทองเพื่อไปบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพลายงาม
  • 27. บทประพันธ์ ครานั้นวันทองผ่องโสภา เมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวัน ให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อย ขุนช้างถ่อยทับไว้ด้วยไม้ขอน ผวาฟื้นตื่นตาให้อาวรณ์ สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง พอแมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีอก นางผงกเงี่ยฟังดังผึงผึง ประหลาดลางหมางจิตรคิดคะนึง รำลึกถึงลูกชายเจ้าพลายงาม ถอดความ ส่วนนางวันทองก็คิ้วเขม่นตั้งแต่กลางวันเหมือนจะเป็นลางบอกเหตุ เมื่อนางนอนหลับไปนางก็ฝันว่าขุนช้างได้ทำร้ายพลายงามและใช้ท่อนไม้ทับไว้ นางตกใจผวาตื่นขึ้นแล้วร้องห่มร้องไห้คิดเป็นห่วงพลายงาม
  • 28. บทประพันธ์ ลุกออกมาหาจบไม่พบเห็น ที่เคยเล่นอยู่กับใครเที่ยวไต่ถาม แต่อีดูกลูกครอกมันบอกความ ว่าเห็นตามพ่อขุนช้างไปกลางไพร นางแคลงผัวกลัวจะพาไปฆ่าเสีย น้ำตาเรี่ยเรี่ยตกซกซกไหล ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไป โอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาด พ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลย ที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว ถอดความ นางจึงลุกออกมาหาพลายงามแต่ก็ไม่พบ ไปตามหาที่ที่เคยเล่นก็เห็น นางจึงถามกับข้าทาสคนรับใช้ว่าเห็นพลายงามหรือไม่ มีข้าทาสคนหนึ่งบอกว่าเห็นไปเที่ยวเล่นในป่ากับขุนช้าง นางก็ยิ่งกังวลใจว่าขุนช้างจะพาพลายงามไปฆ่า นางจึงร้องไห้แล้ววิ่งไปตามหาลูกชายในแต่ไปที่ไหนก็ไม่เห็นลูกเลย ป่า
  • 29. บทประพันธ์ ฤๅล้มตายควายขวิดงูพิษขบ ไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัว ยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อน จิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไน เสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีด เสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์ นางวันทองมองหาละล้าละลัง ฤๅผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย ถอดความ หรือว่าควายจะขวิดงูจะกัดจนเจ้าจะตายแล้ว แล้วศพของเจ้าอยู่ที่ไหน หาอยู่จนเย็นก็เริ่ม เสียงสัตว์ป่า เสียงนกเสียงกาเสียงหมาจิ้งจอกก็เริ่มเห่าหอน หาอย่างไรก็หาไม่เจอหรือว่าจะมีผีมาบังเจ้าไว้ไม้ให้แม่เห็น
  • 30. บทประพันธ์ จะบนหมูสุราร่ำว่าครบ ขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงย โอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาท ใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกา สกุณานอนรังสะพรั่งไพร เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้า โอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจ ยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง ถอดความ นางจึงบนบานว่าขอให้พบลูกด้วยเถิด แล้วจะถวายเหล้ากับหัวหมูเพื่อเป็นการแก้บน จากนั้นนางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเที่ยวเดินตะโกนตามหาลูก หาอย่างไรก็หาไม่เจอ เดินผ่านไปเห็นแม่นกกกลูกนกอยู่ก็หวนคิดว่าแล้วลูกของเรานี้ไปอยู่ที่ไหนจะเป็นอย่างไรบ้าง ยิ่งคิดนางก็ยิ่งร้องไห้ คนเดียว ปั่นป่วนใจ ห่วงใย
  • 31. บทประพันธ์ พอแว่วแว่วแจ้วเสียงสำเนียงเรียก นึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมอง เห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้ว แม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่ เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแช แม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป ถอดความ นางเดินมาถึงซุ้มไม้จึงได้มองสอดส่องเข้าไป เห็นลูกชายยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นชะเง้อชะแง้มองหาอยู่ นางจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดลูกไว้ด้วยความดีใจแล้วบอกว่า “แม่มาแล้ว ลูกไปอยู่ไหนมาทำไมไม่กลับบ้าน แม่ออกมาตามหาเพราะเห็นว่าลูกหายไปตั้งแต่บ่ายแล้ว
  • 32. บทประพันธ์ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่า หม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้ เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วย จึงไม่ม้วยแม่คุบุญหนักหนา ยังช้ำชอกยอกเหน็บเจ็บกายา พูดน้ำตาผ็อยผ็อยด้วยน้อยใจ ถอดความ พลายงามจึงบอกแม่ว่า “พ่อพามาเที่ยวเล่นแล้วก็ทุบตีลูก เอามือบีบจมูกลูก เอาขอนไม้มาทับคอลูกจนลูกเกือบตาย แต่มีลูกน้องของขุนแผนมาช่วยไว้ลูกจึงไม่ตาย แต่ก็ยังเจ็บปวดตามร่างกายอยู่” พลายงามพูดไปน้ำตาก็ไหลไป ตาย ร่างกาย
  • 33. บทประพันธ์ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด โอ้ชาตินี้มีกรรมจะทำไฉน แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป เจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง พ่อของเจ้านั้นฤๅชื่อขุนแผน เป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟัง เดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่ง มันทำถึงสาหัสก็ขัดสน ครั้นจะฟ้องร้องเล่าเราก็จน แม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย ถอดความ นางวันทองร้องไห้จนใจจะขาด ทำไมชาตินี้ถึงมีกรรมนักแล้วเล่าความจริงให้พลายงามฟังว่า “จริง ๆ แล้วเจ้าไม่ใช่ลูกของขุนช้าง ขุนช้างจึงเกลียดชังเจ้า ส่วนพ่อของเจ้ามีชื่อว่าขุนแผนซึ่งเป็นศรัตรูกับขุนช้าง ตอนนี้ขุนแผนพ่อของเจ้าอยู่ในคุกเราจึงไม่มีที่พึ่ง ขุนช้างมันทำกับเราขนาดนี้ แต่เราจะไปบอกใครก็ไม่ได้เพราะเราจะเป็นอันตราย"
  • 34. บทประพันธ์ แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรี อยู่บ้านกาญจน์บุรีวัดเชิงหวาย แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลาย จะสบายบุญปลอดตลอดไป แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้าน ทางกันดารเดินดงจะหลงใหล โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคล นางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ถอดความ แต่ยังมีย่าทองประศรีอยู่กาญจนบุรีที่วัดเชิงหวาย ที่เจ้าพอจะพึ่งพาอาศัยได้ แต่กว่าจะเดินทางไปถึงก็ต้องใช้เวลาวันครึ่ง ทางที่จะไปก็ยากลำบาก ใครบ้างที่พอจะพาเจ้าไปส่งที่นั้นได้ นางพูดพลางร้องไห้สะอื้น เดินไป
  • 35. บทประพันธ์ เจ้าพลายงามถามซักตระหนักแน่ พลางบอกแม่ลูกแสนแค้นหนักหนา อ้ายคนนี้มิใช่พ่อจะขอลา ไปหาย่าอยู่บ้านกาญจน์บุรี สงสารแต่แม่คุณของลูกแก้ว จะลับแล้วตายเป็นไม่เห็นผี เพราะพ่อเลี้ยงเดียงสาไม่ปรานี อยู่ที่นี่ชีวันจะบรรลัย ไปสู้ตายวายวางเสียข้างหน้า ด้วยเกิดมามีกรรมจะทำไฉน ขอลาแม่แต่นี้นับปีไป แล้วร้องไห้หวนคิดถึงบิดา โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกเอ๋ย เมื่อไรเลยลูกจะได้ไปเห็นหน้า ต้องติดคุกทุกข์ทุเรศเวทนา เจ้าครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย ถอดความ พลายงามถามแม่จนมั่นใจแล้วบอกว่า “ลูกคับแค้นมากไอ้คนนี้มันไม่ใช่พ่อของลูก ลูกก็จะไม่อยู่กับมัน ลูกจะไปหาย่าที่กาญจนบุรี สงสารแต่แม่ไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่ลูกคงอยู่ที่นี้ไม่ได้เพราะขุนช้างมันไม่เมตตาปรานีลูกเลย อยู่ไปก็ไม่พ้นความตาย ไปสู้เอาข้างหน้าดีกว่า” พูดเสร็จพลายงามก็ลานางวันทอง แล้วร้องไห้คิดถึงพ่อขุนแผน เมื่อไหร่จึงจะได้เห็นหน้ากัน ต้องทุกข์ทนอยู่ในคุกไม่รู้จะเป็นอย่างไร
  • 36. บทประพันธ์ นางวันทองร้องไห้จิตรใจหาย กอดเจ้าพลายงามน้อยละห้อยไห้ โอ้ลูกแก้วแววตาจะลาไป หนทางป่าค่าไม้พ่อไม่เคย จะเลี้ยวหลงวงวกระหกระเหิน เจ้าจะเดินไปถูกฤๅลูกเอ๋ย โอ้ยากเย็นเข็ญใจกะไรเลย เพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพราย เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะพรากไปจากแม่ แม่จะแลเห็นใครน่าใจหาย พลางสวมสอดกอดแอบไว้แนบกาย สะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ถอดความ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดกอดลูกเอาไว้ “ลูกของแม่จะต้องลาไปไกลแล้ว ทางที่ต้องไปลุกก้ไม่เคยเห็น เจ้าจะไปถูกหรือไม่ ที่เป็นเช่นนี้คงเป็นเพราะเวรกรรมของเรา ลูกจึงต้องพรากจากแม่ แม่คงจะคิดถึงลูกมาก” พูดไปก็ร้องไห้ไปและกอดลูกไว้แนบกาย
  • 37. บทประพันธ์ จนจวนค่ำน้ำค้างลงพร่างพราย ปลอบลูกชายพลายน้อยเสนหา อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมา แม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนากไว้ แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขา เห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้ แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป เจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ ถอดความ อยู่กับลูกจนเวลาใกล้ค่ำนางจึงบอกลูกว่า แม่เดี๋ยวขุนช้างมันจะตามเรามา เดี๋ยวแม่จะพาไปฝากไว้กับพระที่วัด” จากนั้นก็พาพลายงามเดินเข้าไปในวัด เมื่อเห็นพระก็เดินเข้าไปกราบแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง ขอให้ท่านได้โปรดช่วยด้วย คำที่ใช้เรียกพระที่มีอายุมาก พระที่เป็นเจ้าอาวาส
  • 38. บทประพันธ์ เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้อง เผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ ท่านขรัวครูผู้เถ้าว่าเอาวะ ไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย ถ้าหากว่ามาค้นจนถึงห้อง กูมิถองก็จงว่าสีกาเอ๋ย ฆ่าลูกเลี้ยงเอี้ยงดูกูไม่เคย อย่าทุกข์เลยลุงจะช่วยลูกอ่อนไว้ ถอดความ นางขอให้พาพลายงามไปแอบอยู่บนห้องเพราะถ้าพวกของขุนแผนมาตามจะได้หาไม่เจอ พระคุณเจ้าจึงบอกว่า “เอาเถอะเดี๋ยวอาตมาจัดการให้ ถ้ามีคนมาตามหาจะไปค้นถึงห้องหับ อาตมาจะขัดขวางไว้ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อาตมาจะดูแลให้เอง”
  • 39. บทประพันธ์ นางวันทองหมองหมางไม่สร่างทุกข์ กระหมวดจุกลูกยาน้ำตาไหล เห็นจวนค่ำจำลาทั้งอาลัย ลงบันไดเดินด่วนด้วยจวนเย็น พอเข้าไปในรั้วด่าผัวโผง อ้ายตายโหงหักคอไม่ขอเห็น แต่ชาตินี้มีกรรมจึงจำเป็น ได้ชายเช่นนี้มาเป็นสามี ขึ้นบนเรือนเหมือนใจจะจากร่าง เห็นขุนช้างชิงชังผินหลังหนี เข้าในห้องหมองอารมณ์ไม่สมประดี เห็นแต่ที่นอนเปล่ายิ่งเศร้าใจ ถอดความ นางวันทองมัดจุกให้ลูกไปก็น้ำตาไหลไป เมื่อเห็นว่าใกล้ค่ำแล้วจึงเดินกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านก็ตะโกนด่าผัวว่า “ชาตินี้มีกรรมจึงได้คนแบบนี้มาเป็นสามี” แล้วก็เดินขึ้นเรือนไป เมื่อเห็นขุนช้างก็รีบหันหลังให้ด้วยความชัง เข้าห้องไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก หันไปเห็นที่นอนของลูกก็ยิ่งเศร้าใจ
  • 40. บทประพันธ์ คิดถึงลูกผูกพันให้หวั่นอก น้ำตาตกผ็อยผ็อยละห้อยไห้ โอ้ลูกเอ๋ยเคยนอนแต่ก่อนไร จนเจ้าได้สิบปีเข้านี่แล้ว อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปจากแม่ แม่ยังแลเห็นแต่ฟูกของลูกแก้ว โอ้พลายงามทรามสวาทจะคลาดแคล้ว เสียงแจ้วแจ้วเจ้าวันทองนองน้ำตา ถอดความ นางคิดถึงลูกจนน้ำตาไหลร้องไห้ออกมา “ลูกเอ๋ยที่ตรงนี้เจ้าเคยนอนจนเกือบสิบปี แต่อยู่ ๆ ก็ต้องมาพลัดพรากจากแม่ไป” มองไปก็เห็นแต่ที่นอน คิดถึงเสียงเจื้อยแจ้วของลูกยิ่งน้ำตาไหล
  • 41. บทประพันธ์ ฝ่ายขุนช้างครางเคราอ้ายเจ้าเล่ห์ เมาโมเยยิ้มกริ่มอยู่ริมฝา เสียงวันทองร้องไห้จุดไฟมา ส่องดูหน้านั่งเคียงบนเตียงนอน ทำไถลไถ่ถามเป็นความหยอก ฤๅหนามยอกเจ็บป่วยจะช่วยถอน พลางรับขวัญวันทองร้องละคร เจ้าทุกข์ร้อนรำคาญประการใด ถอดความ ขุนช้างนั้นเมายืนยิ้มกริ่มอยู่ข้างฝา เมื่อเห็นนางวันทองเดินมาก็เดินเข้าไปนั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วถามว่า “เจ้าเป็นอะไร เจ็บป่วยตรงไหนให้ข้าจะช่วย หรือมีเรื่องเดือดร้อนอะไรให้บอกข้ามา”
  • 42. บทประพันธ์ นางวันทองข้องขัดสะบัดหน้า ขุนช้างรำทำท่าเข้าคว้าไขว่ นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนใจ ไฮ้อะไรนี่เล่าเฝ้าเซ้าซี้ ลูกข้าหายตายเป็นไม่เห็นศพ อย่ามากลบรอยเสือเบื่อบัดสี เจ้าพาไปในป่าพนาลี แล้วก็มิพามาว่ากะไร ถอดความ นางวันทองสะบัดหน้าหนีแต่ขุนช้างก็คว้าจับนางไว้ นางจึงผลักออกไปแล้วบอกว่า “อย่ามาเซ้าซี้กวนใจ ลูกข้าหายไปเป็นตายรายดีอย่างไรก็ไม่รู้ เจ้าอย่ามาทำกลบเกลื่อน เจ้าพาลุกข้าเข้าไปในป่าแล้วทำไมจึงไม่พาออกมาด้วย” ป่า
  • 43. บทประพันธ์ ขุนช้างฟังช่างแก้อีแม่เจ้า ข้าเมาเหล้าหลับซบสลบไสล ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าพาไป หล่อนไม่ได้ตามข้าผ่าเถิดซิ เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม้หึ่ง กับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิ ว่าแล้วสิอย่าให้ลงไปดิน ลูกปะหล่ำกำไลใส่ออกกลบ ฉวยว่าพบคนร้ายอ้ายคอฝิ่น มันจะทุบยุบยับเหมือนกับริ้น ง้างกำไลไปกินเสียแล้วกรรม ถอดความ ขุนช้างจึงแก้ตัวไปว่า “ข้าเมาจนสลบไสลข้าจะพาไปได้อย่างไร ใครมาบอกว่าข้าเป็นคนพาออกไป เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่เลย ข้าบอกแล้วว่าอย่าออกไปไหน ใส่สร้อย กำไล ไปด้วยแบบนั้น พวกขี้ยามันเห็นเข้า มันจะมาทำร้ายแย่งเอาสร้อย กำไลไป”
  • 44. บทประพันธ์ แล้วแก้เก้อเร่อออกไปนอกห้อง ตะโกนร้องเรียกข้ามาด่าพร่ำ ไปเที่ยวตามถามหาถึงท่าน้ำ ไม่พบทำถอนใจกลับไปเรือน รินสุรามาดื่มลืมสติ อุตริร้องไห้ใครจะเหมือน ขึ้นหอขวางกลางแจ้งเห็นแสงเดือน โอ้พ่อเพื่อนชีวิตของบิตุรงค์ แกล้งร้องร่ำคร่ำครวญทำหวนโหย ละโอดโอยเอกทุ้มจนลุ่มหลง ถึงท่อนปลายกรายเกริ่นเป็นเดินดง ปีกเจ้าอ่อนร่อนลงในดงเตย แล้วรู้ตัวกลัวเมียร้องเสียใหม่ เจ้าจำไกลพ่อแล้วลูกแก้วเอ๋ย เสียงอ้อแอ้แผ่กายนอนหงายเงย จนลืมเลยซบเซาด้วยเมามาย ถอดความ พูดเสร็จขุนช้างก็แกล้งทำเป็นเดินออกไปนอกห้องเรียกข้าทาสคนรับใช้มาด่า แล้วก็แกล้งเดินตามหาพลายงามจนถึงท่าน้ำ จากนั้นก็เดินกลับบ้านทำท่าเป็นหาไม่เจอแล้วรินเหล้ามาดื่มจนเมาแกล้งร้องไห้แล้วพูดคร่ำครวญว่า “ลูกเอ๋ยเจ้ายังเล็กเข้าไปในป่าจะเป็นอย่างไร” ขุนช้างแกล้งคร่ำครวญอยู่เช่นนั้นจนเผลอหลับไป พ่อ
  • 45. บทประพันธ์ นวลนางวันทองค่อยย่องย่าง เห็นขุนช้างหลับสมอารมณ์หมาย สะอื้นอั้นพันผูกถึงลูกชาย จนพลัดพรายเพราะผัวเป็นตัวมาร จึงเย็บไถ้ใส่ขนมกับส้มลิ้ม ทั้งแช่อิ่มจันอับลูกพลับหวาน แหวนราคาห้าชั่งทองบางตะพาน ล้วนต้องการเก็บใส่ในไถ้น้อย ไปอยู่บ้านท่านย่าจะหายาก เมื่ออดอยากอย่างไรได้ใช้สอย แล้วนั่งนึกตรึกตราน้ำตาย้อย รำคาญคอยสุริยาจะคลาไคล ถอดความ เมื่อขุนช้างหลับไปแล้ว นางวันทองก็ค่อยแอบย่องออกจากเย็บย่าม เตรียมขนม ผลหมากรากไม้และสร้อยแหวนให้ลูกไป เพื่อจะหวังว่าจะให้ลูกนำไปใช้เมื่อยามลำบาก ถุงยาว ๆ สำหรับใส่ของเวลาเดินทาง พระอาทิตย์
  • 46. บทประพันธ์ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสงสาร พึ่งสมภารอยู่ในห้องนั่งร้องไห้ พวกศิษย์เณรเถนชีต้นช่วยฝนไพล มาลูบไล้แผลที่มันตีรัน แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบ ยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน เพราะแม่ลูกผูกจิตรคิดถึงกัน เฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้ว ให้แว่วแว่วว่าวันทองร้องเรียกหา สะดุ้งใจไหววับทั้งหลับตา ร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อย เจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้น สมภารตื่นเตือนสีต้นสวดมนต์เกน ถอดความ ส่วนพลายงามนั้นก็นั่งร้องให้อยู่ในห้อง ทั้งเณรทั้งแม่ชีช่วยกันมาฝนยาทาตามแผลที่ขุนช้างตีให้พลายงาม พลายงามคิดถึงแม่มากเฝ้ารอให้แม่มาหา เมื่อนกดุเหว่าร้องพลายงามคิดว่าเป็นเสียงแม่จึงขานรับไป แต่เมื่อรู้ว่านั้นไม่ใช่เสียงแม่พลายงามก็เศร้าแล้วสะอื้นให้อยู่แบบนั้นจนเสียงตีระฆังดังขึ้นเพื่อปลุกพระเณรมาสวดมนต์ นักบวช
  • 47. บทประพันธ์ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่ง น้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจน โจงกระเบนมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่มหุ้ม ออกย่างดุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำ แล้วรีบร่ำเดินตรงเข้าดงตาล ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อย เห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร จะนั่งหยุดพูดจาจะช้าการ ลาสมภารพามาป่าสะแก ถอดความ ยิ่งใกล้รุ่งนางก็ยิ่งร้องไห้ แล้วรีบแต่งตัวนุ่งโจงกระเบนห่มผ้าดำหิ้วถุงย่ามรีบเดินไปหาลูกที่วัด เมื่อไปถึงวัดก็เห็นพลายงามนั่งรออยู่แล้ว จึงรีบร่ำลาพระคุณเจ้าเพื่อพาพลายงามเดินทางต่อ ห่มผ้า เพลาะหมายถึง ผ้า ๒ ผืนนำมาเย็บติดกันให้กว้าง
  • 48. บทประพันธ์ ให้ขนมส้มสูกแก่ลูกรัก สงสารนักจะร้างไปห่างแม่ หนทางบ้านกาญจน์บุรีตรงนี้แล จำให้แน่นะอย่าหลงเที่ยววงเวียน อุตส่าห์ไปให้ถึงเหมือนหนึ่งว่า ให้คุณย่าเป็นอาจารย์สอนอ่านเขียน จงหมายมุ่งทุ่งกว้างตามทางเกวียน ที่โล่งเลี่ยนลัดไปในไพรวัน แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของ ให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกัน สะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา ถอดความ นางนำขนมและผลหมากรากไม้มาให้ลูกกิน และบอกเส้นทางที่จะเดินทางไปกาญจนบุรี ให้เจ้าจำทางไว้ให้ดี หากไปถึงแล้วให้ย่าเป็นคนสอนอ่าน สอนเขียน จากนั้นก็นางก็เกล้าผมให้ลูกใหม่และส่งย่ามใส่ของให้ลูกกอดลูกพร้อมทั้งฝากเทวดาให้ช่วยดูแลรักษาพลายงาม เทวดา
  • 49. บทประพันธ์ ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบ ช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพา ไปถึงย่าอย่าให้หลงเที่ยววงวน ทั้งพ่อคุณขุนแผนแสนวิเศษ บังเกิดเกศแก้วตาสถาผล ช่วยลูกชายพลายงามเมื่อยามจน ให้รอดพ้นภัยพาลถึงกาญจน์บุรี นางครวญคร่ำร่ำว่าน้ำตาตก เหมือนหนึ่งอกพุพองเป็นหนองฝี แม่อุ้มท้องครองเลี้ยงถึงเพียงนี้ ได้สิบปีเศษแล้วจะแคล้วกัน ถอดความ ขอให้เทวดาทั้งหลาย ช่วยปกปัดสิ่งไม่ดีทั้งหลายอย่าให้มาทำร้ายพลายงามเลย ขอให้พลายงามเดินทางไปถึงบ้านของย่าโดยง่าย และขอให้ขุนแผนคอยช่วยเหลือพลายงามให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง ว่าไปนางก็ร้องไห้ไป อุตส่าห์อุ้มท้องและเลี้ยงดูมาจนเกือบสิบปีแต่ก็ต้องมาแยกจากกัน ควายป่า
  • 50. บทประพันธ์ เคยกินนอนวอนแม่ไม่แหห่าง จะอ้างว้างเปล่าใจในไพรสัณฑ์ ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าพัน จะนับวันนับเดือนไปเลื่อนลับ นับปีมิได้มาเห็นหน้าแม่ จะห่างแหหายเหมือนเมื่อเดือนดับ โอ้เสียชาติวาสนาแม่อาภัพ ให้ย่อยยับยากแค้นแสนระยำ จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจาก จนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ มามีลูกลูกก็จากวิบากกรรม สะอื้นร่ำรันทดสลดใจ ถอดความ เคยอยู่ด้วยกันมาไม่ห่าง เดินทางไปคนเดียวเช่นนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง ผมใครจะเป็นคนมัดให้ นานแค่ไหนถึงจะได้พบกันอีก มีผัวก็พรากจากกัน มีลูกก็ต้องมาพลากจากกันอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งร้องไห้ ป่า วาสนาน้อย
  • 51. บทประพันธ์ เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะไอ้ขุน เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ถอดความ พลายงามรู้สึกสงสารแม่เป็นอย่างมาก ก้มลงกราบแม่แล้วบอกว่า “ถ้าลูกเติบใหญ่แล้วจะกลับมาหา การที่เราต้องจากกันครั้งนี้เป็นเพราะเวรกรรม เพราะไอ้ขุนช้าง ลูกจะไปตามหาพ่อแต่ลูกก็จะไม่ลืมแม่ ลูกรู้ว่าแม่รักลูก ความรักของแม่ไม่มีอะไรมาเปรียบได้ แม่คอยดูแลสั่งสอนลูกมาตลอด แม่รีบกลับบ้านเถอะเดี๋ยวคนเขาตามหากันวุ่นวาย ลูกไม่กลัวหรอกแม่อย่าห่วงเลย”
  • 52. บทประพันธ์ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน อำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้ พ่อไปดีศรีสวัสดิกำจัดภัย จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์ โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง ถอดความ นางอวยพรให้ลูกอย่าได้มีภัย เมื่อโตขึ้นก็ให้บวชเรียน ให้ฝึกอ่านฝึกเขียนเพื่อจะได้มีหน้าที่การงานที่ดี จากนั้นก็พาเดินไปส่งตรงท่าเกวียนเพื่อเดินทางไปยังกาญจนบุรี สองแม่ลูกร่ำลากันด้วยความอาลัย แล้วพลายงามก็ได้ออกเดินทางไปตามทาง เมื่อหันหลังกลับมาก็ยังเห็นแม่ยืนเฝ้ามองอยู่ นางยืนมองจนพลายงามเดินลับตาไป เจ้าหน้าที่ ที่ทำงานเกี่ยวกับหนังสือ
  • 53. บทประพันธ์ นางวันทองหมองมัวกลัวขุนช้าง ไม่เหมือนอย่างคนทั้งปวงมันหวงหึง ออกชายทุ่งมุ่งเมินเดินตะบึง กลับมาถึงเรือนร่ำระกำตรอม ทุกเย็นเช้าเศร้าหมองเฝ้าร้องไห้ ด้วยอาลัยพลายงามทรามถนอม ถึงยามกินสิ้นรสสู้อดออม จนซูบผอมผิวพรรณทุกวันคืน ถอดความ นางวันทองมีความหวาดกลัวขุนช้างเพราะเวลาที่ขุนช้างหึงหวงนั้นไม่เหมือนคนอื่นจึงรีบเดินกลับบ้าน ตั้งแต่ที่นางต้องพลัดพรากจากพลายงามนางก็ไม่มีความสุขเลย กินไม่ได้นอนไม่หลับจนร่างกายของนางซูบผอม
  • 54. บทประพันธ์ เจ้าพลายงามตามทางไปกลางทุ่ง เขม้นมุ่งเขาเขินเดินสะอื้น ออกหลังบ้านตาลตะคุ่มเป็นพุ่มพื้น ร่มรื่นรังเรียงเคียงตะเคียน ต้นแคคางกร่างกรุทุ่มชอุ่มออก ทั้งช่อดอกชูไสวเหมือนไม่เขียน เจ้าพลายเพลินเดินพลางตามทางเกวียน ตลอดเลี่ยนลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา ถึงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยง เห็นโรงเรียนไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา พริกมะเขือเหลืองามอร่ามตา สาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ ถอดความ พลายงามเดินตามทางออกไปกลางทุ่ง ระหว่างทางที่เดินก็เห็นต้นไม้ ดอกไม้ออกดอกชูช่อไสว เดินตามทางไปเรื่อย ๆ มาจนถึงบ้านกะเหรี่ยง ก็เห็นโรงเรียนมีไร่ฝ้ายรายรอบอยู่ทั้งซ้ายขวา มีต้นพริก ต้นมะเขือขึ้นอยู่เต็มไปหมด มีนกสาลิกา นกแก้วมาจิกกินแล้วก็บินหนีไป นกสาลิกา นกแก้ว
  • 55. บทประพันธ์ เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่ กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือ มันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยข้อให้ท้อแท้ คิดถึงแม่วันทองแล้วร้องไห้ พระสุริยาสายัณห์ลงไรไร เหมือนจิตรใจเจ้าจะขาดลงรอนรอน พอจวนพลบพบฝูงจิ้งจอกน้อย วิ่งร่อยร่อยตามเขาแล้วเห่าหอน แสยงเส้นโลมาให้อาวรณ์ ถึงดงดอนแดนบ้านกาญจน์บุรี ถอดความ เห็นไก่เขี่ยขุยไผ่อยู่ก็วิ่งเข้าไปไล่จับไก่ เห็นฝูงนกยูงก็เข้าไปไล่จับฝูงนกยูงต่อ เล่นอยู่อย่างนั้นจนเหนื่อย จึงไปพักแล้วก็เกิดความรู้สึกคิดถึงแม่จึงร้องไห้ด้วยความคิดถึง เมื่อเวลาใกล้ค่ำก็เห็นฝูงจิ้งจอกจึงวิ่งไล่ตามไปจนจนถึงเขตกาญจนบุรี พระอาทิตย์
  • 56. บทประพันธ์ เห็นวัดร้างข้างเขาดูเก่าแก่ ยังมีแต่รูปพระชินสีห์ โบสถ์โบราณบานประตูยังดูดี พอราตรีกราบไหว้อาศัยนอน ครั้นรุ่งเช้าเอาขนมทั้งส้มลิ้ม พอกินอิ่มแล้วออกเดินเนินสิงขร ถึงบ้านกร่างทางคนเขาหาบคอน เห็นเด็กต้อนควายอึงคะนึงไป ไม่รู้ความถามเหล่าพวกชาวบ้าน ว่าเรือนท่านทองประศรีอยู่ที่ไหน เด็กบ้านนอกบอกเล่าให้เข้าใจ แกอยู่ไร่โน้นแน่ะยังแลลับ ถอดความ พลายงามเห็นวัดร้างที่สภาพดูเก่าแกอยู่ข้าง ๆ กับภูเขา แต่วัดนั้นยังมีพระชินสีห์ประดิษฐานอยู่ ดูประตูโบสถ์ก็ยังดีใช้งานได้ พลายงามจึงพักอาศัยหลับนอนอยู่ที่วัดนี้ พอถึงตอนเช้าก็เอาขนม ผลหมากรากไม้ที่แม่เตรียมให้ออกมากินจนอิ่มแล้วออกเดินทางต่อไปตามเนินเขา จนไปถึงหมู่บ้านเห็นผู้คนหาบข้าวหาบของ เห็นเด็กต้อนควายอยู่ จึงไปถามชาวบ้านว่าบ้านของย่าทองประศรีอยู่ตรงไหน เด็กคนหนึ่งจึงบอกว่าบ้านยายทองประศรีอยู่โน้นไง ภูเขา
  • 57. บทประพันธ์ มะยมใหญ่ในบ้านกินหวานนัก กูไปลักบ่อยบ่อยแกคอยจับ พอฉวยได้ไอ้ขิกหยิกเสียยับ ร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้า แกจับเอานมยานฟัดกระบานหัว มาถามหาว่าไรช่างไม่กลัว แกจับตัวตีตายยายนมยาน ถอดความ บ้านของยายทองประศรีจะมีต้นมะยมอยู่ ข้าไปขโมยกินอยู่บ่อย ๆ ถ้าแกจับได้แกก็จะหยิบจนเจ็บไปหมด แกดุมากถ้ามีเด็กเข้าไปเล่นให้แกเห็นแกฟาดเอา แล้วมาถามหาบ้านแกนี้ไม่กลัวแกจะจับตีหรือ
  • 58. บทประพันธ์ เจ้าพลายงามถามแจ้งแล้วแกล้งว่า เอ็งช่วยพาเราไปชมมะยมหวาน จะขึ้นลักหักห่อให้พอการ มาสู่ท่านทั้งสิ้นกินด้วยกัน พวกเด็กเด็กดีใจไปสิหวา ซ่อนข้าวปลาปล่อยควายแล้วผายผัน บ้างเหน็บหน้าผ้านุ่งเกี้ยวพุงพัน หัวเราะกันกูจะห่อให้พอแรง พอถึงบ้านท่านยายทองประศรี พวกเด็กชี้เรือนให้แล้วแอบแฝง เจ้าพลายงามขามจิตรยังคิดแคลง ค่อยลัดแลงเล็งแลมาแต่ไกล ถอดความ พลายงามจึงแกล้งบอกว่า “พาเราไปดูต้นมะยมหน่อยได้ไหม จะเก็บเอามาให้พวกเราได้กินด้วยกัน” เด็ก ๆ ต่างพากันดีใจแล้วรีบเก็บข้าวปลาอาหาร ปล่อยควายไปกินหญ้า พากันหัวเราะชอบใจแล้วบอกว่า “จะเก็บมาให้เยอะ ๆ เลย” เมื่อมาถึงบ้านของยายทองประศรี เด็ก ๆ ก็ชี้ให้พลายงามดูว่านี้ไงบ้านของแก
  • 59. บทประพันธ์ ดูเงียบเชียบเลียบรอบริมขอบรั้ว ไม่เห็นตัวท่านย่าน่าสงสัย ประตูหับยับยั้งยืนฟังไป เสียงแต่ไนออดแอดแรดแรแร รู้ว่าคนบนนั้นนั่งปั่นฝ้าย จะอุบายบอกความตามกระแส ขึ้นมะยมห่มล้อทำตอแย ให้ท่านแลเห็นเรามาเอาตัว จึงจะบอกออกตามเนื้อความลับ ได้อยู่กับย่ากำเนิดบังเกิดหัว แล้วเมียงมองย่องดอดเข้าลอดรั้ว ค่อยแฝงตัวขึ้นบนต้นมะยม แล้วพยักกวักเรียกอ้ายเด็กเด็ก ลูกเล็กเล็กหลบลอบค่อยหมอบก้ม ระวังตัวกลัวยายเถ้าเจ้าคารม เก็บมะยมซุบซิบกระหยิบตา ถอดความ บ้านดูเงียบเชียบไม่เห็นยายทองประศรีอยู่ จึงไปแอบฟังจึงรู้ว่ายายทองประศรีปั่นฝ้ายอยู่ในบ้าน พลายงามจึงคิดว่าจะแกล้งไปขึ้นเก็บมะยมบนต้นเพื่อให้ยายทองประศรีเห็นแล้วมาจับตัวไว้ จากนั้นก็จะบอกความจริงให้ย่ารู้เพื่อที่จะได้อยู่กับย่า เมื่อคิดได้พลายงามก็ลอดเข้าไปในรั้ว ขึ้นไปบนต้นมะยมและกวักมือเรียกเด็กเข้ามาเก็บมะยม
  • 60. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑. การใช้สัมผัสในเพื่อให้กลอนมีความไพเราะยิ่งขึ้น ตัวอย่าง ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้าง อุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน แล้วป่าแก้แผลหายละลายเลือน เจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน
  • 61. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๒. การใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติเพื่อให้เกิดความไพเราะ ตัวอย่าง ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัว ยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อน จิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย จักจั่นเจื้อยร้องริมลองใน เสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีด เสียงจังหรีดกรีแซ่ดังแตรสังข์
  • 62. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๓. การใช้คำเพื่อให้เห็นภาพตาม ตัวอย่าง โพระดกนกงั่วกระตั้วเต้น กระแตเล่นไม้โจนโผนผวา เจ้าพลายงามถาพ่อพูดจ้อมา ขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเขมร สะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพุง ถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย
  • 63. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๔. การใช้คำเพื่อสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองร้องไห้เมื่อจะต้องพลัดพรากจากพลายงาม นางวันทองร้องไห้จิตใจหาย กอดเจ้าพลายงามน้อยละห้อยไห้ โอ้ลูกแก้วแววตาจะลาไป หนทางป่าค่าไม้พ่อไม่เคย จะเลี้ยงหลงวงวกระหกระเหิน เจ้าจะเดินไปถูกฤๅลูกเอ๋ย โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลย เพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพราย
  • 64. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๕. การใช้อุปมาเพื่อเปรียบเทียบให้เกิดอารมณ์ความรู้สึก ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองร้องไห้จนน้ำตาจะเป็นสายเลือดเมื่อต้องจากลูก ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
  • 65. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านสังคม ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต / การดำเนินชีวิตของคนในสมัยนั้น ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองคลอดพลายงาม จะใช้หมอตำแยในการทำคลอด เรียกหาข้าคนอลหม่าน บนนอกชานพวกผู้หญิงวิ่งออกสอ ให้ไปรับยายสายกับยายยอ แต่ล้วนหมอตำแยเซ็งแซ่มา เข้าถึงท้องต้องถูกว่าลูกต่ำ เอาหน้าคว่ำไขว่ขวางไปข้างขวา ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลา บ้างตำยาขยำส้มต้มน้ำร้อน ๑. สะท้อนให้เห็นการคลอดลูกของคนสมัยนั้น
  • 66. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านสังคม ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต / การดำเนินชีวิตของคนในสมัยนั้น ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองเกล้าจุกให้กับพลายงาม แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของ ให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกัน สะอื้นอั้นออกปากฝากเทวัญ ๒. สะท้อนให้เห็นการไว้จุกของเด็กในสมัยนั้น
  • 67. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านสังคม ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต / การดำเนินชีวิตของคนในสมัยนั้น ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองแต่งตัวก่อนที่จะไปหาพลายงามที่วัด นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่ง น้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจน โจงกระเบนมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ ๓. สะท้อนให้เห็นการแต่งตัวของคนในสมัยนั้น
  • 68. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านสังคม ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต / การดำเนินชีวิตของคนในสมัยนั้น ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองสั่งและอวยพระพลายงามก่อนที่จะจากกัน นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน อำนวยพรพลายย้อยละห้อยไห้ พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย จนเติญใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียนลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ ๔. สะท้อนให้เห็นค่านิยมของคนในสมัยนั้นที่ผู้ชายนิยมบวชเรียนและนิยมทำงานเป็นเสมียน
  • 69. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านความเชื่อ สะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนในสมัยนั้น ตัวอย่าง ผีพรายของขุนแผนไปช่วยพลายงามไว้ ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้าง อุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน แล้วเป่าแก้แผลหายละลายเลือน เจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน ๑. สะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับภูต ผีและเวทมนตร์คาถา
  • 70. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านความเชื่อ สะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนในสมัยนั้น ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองฝันว่าพรายงามถูกทำร้าย ครานั้นวันทองผ่องโสภา เมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวัน ให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อย ขนช้างถอยทับไว้ด้วยไม้ขอน ผวาฟื้นตื่นตาให้อาวรณ์ สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง ๒. สะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับความฝันและลางบอกเหตุ
  • 71. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านความเชื่อ สะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนในสมัยนั้น ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองฝากให้เทพเทวดาดูแลรักษาพลายงามขณะเดินทางไปหาย่า แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของ ให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกัน สะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบ ช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพา ไปถึงย่าอย่าหลงเที่ยววงวน ๓. สะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับเทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • 72. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านความเชื่อ สะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนในสมัยนั้น ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ได้พบพลายงาม จะบนหมูสุราร่ำว่าครบ ขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงย โอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา ๔. สะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับการบนบานสิ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • 73. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านความเชื่อ สะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนในสมัยนั้น ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองเข้าไปกราบพระเมื่อจะนำพลายงามไปฝากไว้ที่วัด จนจวนค่ำน้ำค้างลงพร่างพราย ปลอบลูกชายพลายน้อยเสน่หา อ้ายศรัตูรู้ความจะตามมา แม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนากไว้ แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขา เห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้ แล้วเล่าความจริงทุกสิ่งไป เห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้ ๕. สะท้อนให้เห็นว่าคนในสมัยนั้นมีการนับถือศาสนาพุทธ
  • 74. คุณค่าของวรรณคดี คุณค่าด้านข้อคิด สะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนในสมัยนั้น วรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม สะท้อนให้เห็นความรักที่มีแม่มีต่อลูก และสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อลูก ให้ข้อคิดเกี่ยวกับความรักของแม่ที่มีต่อลูก ตัวอย่าง ตอนที่นางวันทองร้องไห้ร่ำลาพลายงามก่อนที่พลายงามจะเดินทาง ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
  • 75. บทอาขยานจากวรรณคดี แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน อำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้ พ่อไปดีศรีสวัสดิกำจัดภัย จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์ โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง
  • 76. สวัสดี